ข้อควรรู้…ก่อนเลือกฟิล์มกรองแสงบ้านและอาคาร
อย่าปล่อยให้บ้านร้อนจนนอนไม่ได้ ยิ่งกำลังจะเข้าช่วงฤดูร้อนหลายๆ คนคงต้องรีบหาทางรับมือแก้ปัญหาบ้านร้อน และค่าไฟจากแอร์ที่พุ่งสูงขึ้น ทั้งนี้หลายคนเลยเลือกการติดฟิล์ม แต่ก็ยังไม่มีความรู้เนื้อหานี้บอกเลยไม่ควรพลาด!
จะเลือกฟิล์มกรองแสงบ้านและอาคารต้องรู้อะไรบ้าง?
1.รู้วัตถุประสงค์ในการติดฟิล์ม
- เพื่อลดความร้อน
ฟิล์มจะช่วยลดความร้อนจากแสงแดด ซึ่งความร้อนนี้ เกิดมาจาก 3 แหล่งด้วยกัน ได้แก่ รังสี Ultra Violet (UV) / แสงสว่าง (Visible Light : VL) / อินฟราเรด (Infrared : IR) ทำให้แอร์ภายในบ้านหรืออาคารเย็นเร็วขึ้น ประหยัดค่าไฟ และลดการซีดจางของพื้นไม้ สีของเฟอร์นิเจอร์ภายในอาคาร
เพิ่มเติม : การเลือกฟิล์มค่า UV อาจไม่ใช่ปัจจัยหลักไม่ว่าจะฟิล์มถูกสุดถึงแพงสุด ก็สามารถป้องกันรังสี UV ได้ 99% อยู่แล้ว เพราะเป็นเพียงแค่คลื่นความร้อนที่คิดเป็น % เพียง XX% ของสเปคตรัม ค่าความร้อนของแสงอาทิตย์เท่านั้น ถือเป็นคุณสมบัติทั่วไปของฟิล์มกรองแสง แนะนำให้ดูที่ค่าการลดความร้อนรวมจะดีที่สุดในการเลือกฟิล์ม
- เพื่อความเป็นส่วนตัว
สีของฟิล์มนอกจากช่วยลดความจ้าของแสงแล้ว ยังสร้างความเป็นส่วนตัวให้กับผู้อยู่อาศัยได้อีกด้วย เพราะเมื่ออยู่ภายนอกบ้านจะไม่สามารถมองเข้ามาด้านในบ้านได้ ซึ่งไม่ว่าจะเลือกติดฟิล์มดำ หรือฟิล์มเซรามิกก็สามารถให้ความเป็นส่วนตัวได้มากกว่ากระจกธรรมดาเป็นอย่างมาก
2.รู้ค่าแสงส่องผ่านของฟิล์มติดอาคารที่ต้องการ Visible Light Transmission (VLT)
คือ ค่าที่บอกถึง % ที่ความสว่างจะสามารถผ่านฟิล์มกรองแสงเข้ามาได้ ซึ่งถ้าค่ายิ่งน้อย หมายถึงแสงยิ่งผ่านเข้ามาได้น้อยนั่นเอง ถ้าค่าตัวเลขมากแสงก็จะมากตาม แต่ด้วยเทคโนโลยีใหม่ถึงฟิล์มจะใสแสงส่องผ่านได้มากแต่ลดความร้อนได้ดีมีอยู่จริง แต่ส่วนใหญ่ แนะนำให้เลือกใช้กับ ห้องรับแขก ห้องทานข้าว หรือคอนโดตึกสูง ก็จะทำให้ดูโปร่งสบาย ไม่อึดอัดเห็นวิวชัดสวยงามแน่นอน
และหลายๆคนที่เข้าใจผิดว่าหากเลือกฟิล์มที่มีความเข้มมากๆ ก็จะสามารถกันความร้อนได้ดีกว่าฟิล์มสีอ่อน ซึ่งไม่จริงเสมอไป ขึ้นอยู่กับผู้ผลิต และ เทคโนโลยีจากแบรนด์นั้นๆ ที่ต่างกันออกไป เพราะบางแบรนด์มีค่าแสงส่องผ่านที่มากกว่า แต่ก็สามารถป้องกันความร้อนได้ดีเช่นกัน
3.รู้ค่าสะท้อนความร้อน Infrared Light Rejection (IRR)
หรือค่าป้องกัน รังสีอินฟราเรด (Infrared Light Rejection หรือ IRR) บางครั้งก็เรียกว่า รังสี IR หรือ รังสีความร้อน มีตั้งแต่ค่า 0-100% ยิ่งค่ามากยิ่งป้องกันความร้อนได้ดี ส่วนในแสงอาทิตย์นั้น จะมีรังสีอินฟราเรดเป็นส่วนประกอบอยู่ถึง 53% ถึงถือว่าเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุด และทั้งนี้ความเข้ม-อ่อนของสีฟิล์มนั้นก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับค่านี้แต่อย่างใด เพราะหากเป็นฟิล์มที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ดี ก็จะสามารถลดค่าความร้อนได้สูงโดยไม่จำเป็นต้องเลือกฟิล์มสีเข้ม ซึ่งสมารถสังเกตได้จากฟิล์มราคาสูงที่ผลิตจากโรงงานที่ได้มาตราฐานสากล มีสถาบันรองรับ ก็จะสามารถป้องกันรังสีค่า IRR ได้เป็นอย่างดี
4.รู้ค่าสะท้อนพลังงานรวม Total Solar Energy Rejection (TSER)
ค่านี้แสดงถึง ค่าในการป้องกันความร้อนโดยรวมจากแสงแดด (ได้แก่ รังสี UV, แสงสว่าง (Visible Light) และ อินฟราเรด (IR) ฉะนั้น ถ้าค่านี้ยิ่งสูง ยิ่งหมายความว่า ฟิล์มกรองแสงนั้น ๆ สามารถกันความร้อนได้ดี โดยสถาบันระดับโลกจะใช้ค่านี้ในการวัดประสิทธิภาพการกันความร้อน ซึ่งเวลาเลือกฟิล์มถ้าดูค่านี้ก็จะทำให้ตัดสินใจเลือกได้ง่ายที่สุด
5.ความคงทนของตัวฟิล์มหัวใจสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
- การเสื่อมสภาพของกาว
ส่วนใหญ่ตัวกาวจะดูแลตามระยะอายุการรับประกันของฟิล์มหากเกิดปัญหาในอายุการรับประกับสามารถแจ้งเคลมกับบริษัทฟิล์มได้เลย ส่วนวิธีสังเกต เช่น สีฟิล์มเปลี่ยนเป็นสีม่วง ฟิล์มพองเป็นจุดๆ พองเป็นเส้น หรือ เกิดรอยยับย่นบนเนื้อฟิล์มโดยมากฟิล์มคุณภาพต่ำ หรือ ฟิล์มย้อมสี จะมีอายุการใช้งานไม่เกิน 1 ปี ส่วนฟิล์ม คุณภาพสูงก็จะมีอายุการใช้งานนานขึ้น 5-10 ปี ตามลำดับ
- ความหนาของฟิล์ม
ความหนาฟิล์มที่เหมาะสมส่วนใหญ่ มาตรฐานความหนาจะอยู่ที่ประมาณ 1.8 mil. (มิว) โดย 1 MIL. = 0.001 นิ้ว ( 1/1000 นิ้ว) ซึ่งถือเป็นฟิล์มที่ไม่บางหรือหนาจนเกินไป และสามารถติดตั้งได้ง่าย แต่ถ้าเน้นคุณภาพที่ดีความหนาจะอยู่ที่ 3 mil. (โดยความหนาจะขึ้นอยู่กับการซ้อนของชั้นฟิล์มซึ่งประสิทธิภาพการกันร้อนก็มีผลทำหน้าที่ได้ดีเช่นกัน)
6.เลือกบริษัทที่เชื่อถือได้และมีการรับประกัน
การเลือกบริษัทรับติดฟิล์มกระจกบ้าน อาคาร ควรเลือกบริษัทที่มีชื่อเสียง มีการรับรอง และมีประสบการณ์มายาวนาน สิ่งนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญ รวมถึงมีการรับประกันหลังการขาย เพราะหากเกิดปัญหาจะได้ทำการเคลมได้ง่ายและไม่หนีหายไปไหน เนื่องจากสมัยนี้มีฟิล์มยี่ห้อแปลกๆเกิดขึ้นใหม่ในตลาดมากมาย และส่วนใหญ่จ้างโรงงานผลิต แล้วนำมาตีแบรนด์เอง ซึ่งจะขาดเรื่องการใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพในการผลิตและมาตราฐานการรับรองคุณภาพฟิล์ม ทำให้มีความต่างจากฟิล์มที่ผลิตตามมาตราฐานของอเมริกา เช่นแบรนด์ Solagard หรือ 3M
- การรับประกันฟิล์มกรองแสงเสียหายในกรณีแบบไหนถึงจะเคลมได้บ้าง ?
การรับประกันฟิล์มจะมีประโยชน์ในกรณีที่ฟิล์มกรองแสงหรือฟิล์มสะท้อนความร้อนของท่านเกิดการซีดจาง หลุดร่อน แตกร้าว หรือบรรดาสนิมฟิล์มเกิดขึ้นก่อนอายุการรับประกันนั้นเองแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการรับประกันนี้ไม่ได้รวมถึงความเสียหายที่เกิดจากปัจจัยที่ถูกกระทำภายนอก
อย่างเช่นการดูแลรักษาที่ไม่ถูกต้อง หรือเกิดจากสิ่งมีชีวิตทุกชนิด รวมไปถึงอุบัติเหตุต่างๆที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อกระจกหรืออุปกรณ์ส่วนควบ และที่สำคัญหลังการติดตั้งควรจะปฏิบัติตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัดก็คือ ห้ามเลื่อนกระจกเปิดปิด 7 วันใช้ผ้านุ่มทำความสะอาดและห้ามใช้สารเคมีใดๆ หากเพื่อนๆสนใจวิธีการทำความสะอาดแบบฉบับเต็มกดก็ตามไปดูกันได้เลย >>> คลิ๊ก 5 วิธียืดอายุการใช้งาน “ฟิล์มกรองแสง” ด้วยการดูแลอย่างถูกวิธี
สรุปแล้วการเลือกฟิล์มก็มีหลายเหตุผลและปัจจัยที่เราต้องศึกษาก่อนเลือกซื้อไม่ว่าจะเป็น การตอบโจทย์การใช้งานและความต้องการซึ่งแต่ละคน ข้อจำกัดและกฎในการติดฟิล์มแต่ละโครงการ สำหรับฟิล์มที่มีค่าสะท้อนแสงภายนอกค่อนข้างมาก เนื่องจากผิดกฎหมาย และส่งผลกระทบต่อผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณโดยรอบ ความน่าเชื่อถือของบริษัท ถือเป็นอีกสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
ส่วนคอนโดราคาแพงหรือที่เลือกการอยู่ชั้นสูงๆ เพื่อมองวิวในเวลากลางวัน หรือชมเมืองยามค่ำคืน ก็ควรเลือกฟิล์มสีที่ไม่เข้มและมีค่าสะท้อนภายในต่ำ VLR (Interior) เพื่อจะได้ไม่สะท้อนเห็นเงาตัวเองเวลาเดินผ่านกระจกแถมวิวชัดเจนสวยงามแน่นอน
เพื่อความอุ่นใจในการใช้บริการ เมื่อเกิดปัญหาสามารถติดต่อสอบถามได้ ซึ่งอาจจะดูในส่วนของ หน้าร้านที่เป็นหลักแหล่ง ไม่ใช่มีแค่หน้าแฟนเพจหรือในโลกออนไลน์เพียงอย่างเดียว ระยะเวลาการดำเนินธุรกิจ ซึ่งจะมีความเกี่ยวข้องในเรื่องของการรับประกันที่น่าเชื่อถือนั้นเอง และสุดท้ายคือ การให้บริการ ที่มีความเป็นมืออาชีพ ใส่ใจในขั้นตอนการติดตั้ง และมีความรับผิดชอบต่องานที่ทำ
เมื่อเกิดการผิดพลาด พร้อมที่จะแก้ไข โดยไม่บ่ายเบี่ยง ซึ่งก็จะมีความสอดคล้องกับความน่าเชื่อถือของบริษัท ในข้างต้น ถ้ายังไม่แน่ใจว่าจะเลือกฟิล์มแบบไหน หรือมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟิล์มกรองแสง Infinity Design ยินดีให้คำปรึกษาแนะนำเพื่อบ้านของเพื่อนๆจะได้ไม่ต้องทนร้อนอีกต่อไป
ติดต่อพวกเรา Infinity Design เพื่อให้เข้าไปวัดพื้นที่ประเมินราคา โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ดังนี้