
ผ้าม่าน BLACKOUT มีแบบไหนบ้าง รีดและซักอย่างไร?
เพื่อนๆอาจสงสัยกันว่า ผ้าม่าน BLACKOUT กันแสง 100% เป็นอย่างไร มีหน้าตาและวัสดุในการเคลือบชั้นด้านหลังเพื่อกันแสง อะไรบ้าง ทำไม? ผ้าม่านชิ้นนี้ถึงซักได้ ทำไมผ้าม่านชิ้นนี้ถึงซักหรืออบความร้อนไม่ได้ แตกต่างกันอย่างไร INFINITY DESIGN นำข้อมูล วิธีการเลือกผ้า BLACKOUT และการดูแลรักษา ทำความสะอาด ผ้าชนิดต่างๆ มาให้เพื่อนๆได้ “รู้ก่อนซื้อ” แล้ว !!!
ผ้าม่าน BLACKOUT ลักษณะของเนื้อผ้าม่านกันแสงชนิดนี้ จะสามารถกันแสงสูงสุด 100% ทำให้ห้องมืดสนิทแม้ในเวลากลางวัน ซึ่งเหมาะแก่การพักผ่อนได้เป็นอย่างดี โดยผ้าม่านกันแสงแบบ Blackout มีหลายรูปแบบ ดังนี้

1.ผ้าม่าน BLACKOUT ชนิดเคลือบหลังผ้า (FABRIC BACKING)
ผ้าม่านชนิดนี้ จะมีการ “เคลือบหลังผ้า” ลักษณะพิเศษบริเวณด้านหลัง ซึ่งจะเป็นผ้าที่สามารถกันแสงได้ 100%
โดยผ้าม่านชนิดนี้กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน เนื่องจากให้ความรู้สึกสัมผัสที่นุ่มนวล ทั้ง 2 ด้าน กว่าการเคลือบแบบโฟมและแบบซิลิโคน ที่สำคัญคือดูแลรักษาง่าย ขึ้นลอนสวยกว่าผ้าม่าน Blackout ชนิดอื่นๆ สามารถซักอบตากแห้งและดูดฝุ่นเพื่อทำความสะอาดได้ คือผ้าม่านที่ทำมาจาก โพลีเอสเตอร์ Polyester มีลักษณะเนื้อหนา ทึบแสง เพราะมีสารเคลือบระหว่างชั้นผ้าทั้งสองชิ้น ทำให้แสงไม่สามารถลอดผ่านมาได้ จึงกันแสงได้สูงสุด 100%
- Composition : Polyester 100%
- Composition : Polyester 65%, Acrylic 35%
- Composition : Polyester 75%, Acrylic 25%
- Composition : Polyester 85%, TPU 12%
- Composition : Polyester 99%, TPU Laminate 1%
COMPOSITION : ชั้นผ้าด้านหน้า + สารเคลือบระหว่างกลาง + ชั้นผ้าด้านหลัง
*TPU : เทอร์โมพลาสติกโพลียูรีเทน เป็นนวัตกรรมการสร้างวัสดุคอมโพสิต (Composite materials) พลาสติกประเภทพิเศษ ความยืดหยุ่น ความโปร่งใส สร้างขึ้นเมื่อเกิดปฎิกิริยา Polyaddition ระหว่างไดโอโซไซยาเนตกับไดออน ซึ่งส่งผลให้มีความยืดหยุ่นสูง การบีบอัดที่ดี บวกความต้านทานต่อแรงกระแทก การเสียดสี การฉีกขาด TPU มีความยืดหยุ่น และความทนทาน โดยไม่กระทบต่อเนื้อผ้าหรือหน้าตาเดิมของเนื้อผ้า
*TPU Laminate : เป็นกระบวนการเคลือบ Laminating ระหว่างวัสดุ 2 ชั้น เข้าด้วยกัน ชั้นบนเนื้อผ้า และเเผ่นฟิล์ม TPU เคลือบด้านหลังผ้า ทำได้โดยการให้ความร้อนแผ่นฟิล์ม TPU จากนั้นจึงไปเคลือบประกบด้วยแรงกดให้ประสานกันกับเนื้อผ้า แบคกิ้งกับเนื้อผ้า เมื่อเย็นตัวลง จะเสริมความแข็งแรงให้กับเนื้อผ้า คุณสมบัติป้องกันนํ้า และความชื้นได้ มีนํ้าหนักเบา
Special Care การดูแลรักษาความสะอาด










ข้อควรระวังในการซัก
ซักด้วยนํ้าเย็น อุณหภูมิไม่เกิน 30% ด้วยโหมดถนอมผ้าสำหรับผ้าบางเบา ห้ามซักแห้ง
อบผ้าในเครื่องอบผ้า โดยใช้ลม ห้ามใช้ความร้อน ด้วยโหมดถนอมผ้าสำหรับผ้าบางเบา ตากแบบไม่ใช่ไม้แขวนแล้วนํ้าหยดแห้งเอง Drip dry, Hang Soaking Dry
ข้อควรระวังในการรีดผ้า
Polyester 100% ควรรีดด้วยอุณหภูมิตํ่าไม่เกิน 110 °C
Polyester + Acrylic ควรรีดด้วยอุณหภูมิตํ่าไม่เกิน 110 °C ห้ามใช้ไอนํ้า
Polyester 85%, TPU 12% ควรรีดด้วยอุณหภูมิตํ่าไม่เกิน 110 °C รีดด้านหลังผ้า
Polyester 99%, TPU Laminate 1% ควรรีดด้วยอุณหภูมิตํ่าไม่เกิน 110 °C โดยใช้ผ้ารองหน้าผ้าก่อนรีด
เปรียบเทียบด้านหน้า และ ด้านหลัง ผ้าม่าน Blackout แต่ละแบบ

2.ผ้าม่าน BLACKOUT ชนิดเคลือบโฟม (FOAM COATING)
ผ้าม่าน “BLACKOUT เคลือบโฟม” ผ้าม่านที่มีการเคลือบด้านหลังผ้าด้วยโฟม 3 ชั้น, 4 ชั้น ช่วยกันแสงได้ดี และช่วยซับเสียงได้เล็กน้อย ถือเป็นผ้าม่าน Blackout รุ่นแรกๆ ที่มีการผลิตขึ้น ทั้งนี้หากโดนแดดจัดเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้โฟมด้านหลังหลุดร่อนเป็นขุยได้ ผ้าม่านชนิดเคลือบโฟมนี้ข้อควรระวังในการซักและอบผ้า ชั้นโฟมที่เคลือบด้านหลังหากเจอความร้อนสูง อาจทำให้หลุดร่อน และประสิทธิภาพในการกันแสงลดลง
- Polyester with 3-pass Acrylic Back Coating 100%
- Polyester with 4-pass Acrylic Back Coating 100%
Special Care การดูแลรักษาความสะอาด








ข้อควรระวังในการซัก
ควรตั้งค่าโหมดเครื่องซักผ้าให้เป็นแบบที่ถนอมเนื้อผ้ามากที่สุดนํ้าเย็น อุณหภูมิไม่เกิน 30% ด้วยโหมดถนอมผ้าสำหรับผ้าบางเบา และใช้น้ำยาที่เป็นสูตรอ่อนโยน (หลีกเลี่ยงผงซักฟอกขาวเพราะจะทำให้เป็นคราบ) หลังจากปั่นเสร็จ ควรนำผ้าม่านไปผึ่งในที่ร่ม มีลมผ่าน และไม่โดนแดดโดยตรง หรืออบผ้าในเครื่องอบผ้า โดยใช้ลม ห้ามใช้ความร้อน ด้วยโหมดถนอมผ้าสำหรับผ้าบางเบา (ห้ามซักแห้ง)
ข้อควรระวังในการรีดผ้า
Polyester with 3-pass Acrylic Back Coating 100% ควรรีดด้วยอุณหภูมิตํ่าไม่เกิน 110 °C รีดเฉพาะด้านหน้าผ้า
Polyester with 4-pass Acrylic Back Coating 100% ควรรีดด้วยอุณหภูมิตํ่าไม่เกิน 110 °C รีดเฉพาะด้านหน้าผ้า ห้ามใช้ไอนํ้า
เปรียบเทียบด้านหน้า และ ด้านหลัง ผ้าม่าน Blackout แต่ละแบบ

3.ผ้าม่าน BLACKOUT ชนิดเคลือบซิลิโคน (SILICONE COATING)
ผ้าม่าน “BLACKOUT เคลือบซิลิโคน” ผ้าม่านชนิดเคลือบซิลิโคน 3 ชั้น, 4 ชั้น เป็นผ้าม่านที่มีการพัฒนามาจากผ้าม่านชนิดเคลือบโฟม โดยจะเป็นการเคลือบบริเวณด้านหลังผ้าม่านด้วยซิลิโคน ซึ่งจะทำให้ผ้าม่านมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ทิ้งตัว ขึ้นลอนได้ดีกว่าชนิดเคลือบโฟม แต่ลอนที่ออกมาจะไม่สวยเท่าผ้าม่านชนิดอื่น ผ้าม่านชนิดเคลือบซิลิโคนนี้ข้อควรระวังในการซักและอบผ้า ชั้นซิลิโคนที่เคลือบด้านหลังหากเจอความร้อนสูง อาจทำให้ละลาย และประสิทธิภาพในการกันแสงลดลง
- Polyester with 3-pass Silicon Back Coating 100%
- Polyester with 4-pass Silicon Back Coating 100%
- Polyester 70% Cotton 30% with 3-pass Silicon Back Coating
- Polyester 85% Linen 15% with 3-pass Silicon Back Coating
Special Care การดูแลรักษาความสะอาด








ข้อควรระวังในการซัก
ควรตั้งค่าโหมดเครื่องซักผ้าให้เป็นแบบที่ถนอมเนื้อผ้ามากที่สุดนํ้าเย็น อุณหภูมิไม่เกิน 30% ด้วยโหมดถนอมผ้าสำหรับผ้าบางเบา และใช้น้ำยาที่เป็นสูตรอ่อนโยน (หลีกเลี่ยงผงซักฟอกขาวเพราะจะทำให้เป็นคราบ) หลังจากปั่นเสร็จ ควรนำผ้าม่านไปผึ่งในที่ร่ม มีลมผ่าน และไม่โดนแดดโดยตรง หรืออบผ้าในเครื่องอบผ้า โดยใช้ลม ห้ามใช้ความร้อน ด้วยโหมดถนอมผ้าสำหรับผ้าบางเบา (ห้ามซักแห้ง) อย่าตั้งค่าโปรแกรมปั่นหมาดสูงเกินไป เวลาผึ่งผ้ากันแสงซิลิโคน (Silicone) ควรหันด้านที่เคลือบออก
ข้อควรระวังในการรีดผ้า
Polyester with 3-pass Silicon Back Coating 100% ควรรีดด้วยอุณหภูมิตํ่าไม่เกิน 110 °C รีดเฉพาะด้านหน้าผ้า
Polyester with 4-pass Silicon Back Coating 100% ควรรีดด้วยอุณหภูมิตํ่าไม่เกิน 110 °C รีดเฉพาะด้านหน้าผ้า ห้ามใช้ไอนํ้า
เปรียบเทียบด้านหน้า และ ด้านหลัง ผ้าม่าน Blackout แต่ละแบบ

ปัญหาเรื่องซัก จะหมดไป หากเลือกใช้ผ้าม่าน Blackout ชนิดเคลือบหลังผ้า หรือ ผ้าม่าน Dimout โทนสีเข้ม ก็ช่วยป้องกันแสงได้ดี 99% เทียบเท่า ผ้าม่าน Blackout แถมยังซักและอบทำความสะอาดได้ง่าย ทิ้งลอนสวย พริ้วไหว และเป็นธรรมชาติ อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ผ้าม่าน Blackout กับ Dimout ต่างกันอย่างไร คลิก!!! และ 10 ไอเดียแต่งผ้าม่านโทนสีเข้ม

ติดต่อวัดพื้นที่
ประเมินราคา
สนใจบริการติดตั้ง ผ้าม่าน วอลเปเปอร์ ฟิล์มอาคาร นัดวัดพื้นที่ประเมินราคาฟรี!
