การเตรียมผนัง “ก่อนติดวอลเปเปอร์” ควรเช็คสิ่งใดบ้าง?
วอลเปเปอร์ถือเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มความสวยงามให้ภายในบ้านได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยปกปิดร่องรอยบริเวณผนังที่ไม่ต้องการ ซึ่งการตกแต่งวอลเปเปอร์ไม่ควรดูแค่ความสวยเพียงอย่างเดียว เพราะการเตรียมผนังก่อนติดตั้งก็มีความสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
ทำไมต้องเตรียมผนังก่อนติดวอลเปเปอร์
การเตรียมผนังก่อนติดวอลเปเปอร์ เป็นสิ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดปัญหาทั้งในระหว่างการติด และหลังติดวอลเปเปอร์ เพราะเมื่อทำการติดตั้งวอลเปเปอร์ไปแล้ว จะทำการแก้ไขได้ยาก และอาจทำให้ต้องเสียทั้งเงินและเวลาที่มากขึ้น ซึ่งหลักๆ ของการเตรียมผนังจะมีดังนี้
1. ความเสียหายของผนัง
เบื้องต้นควรมีการเช็คความเรียบร้อยของผนังที่จะมีการติดวอลเปเปอร์ว่ามีความเสียงหายในส่วนใดบ้าง เพราะเมื่อมีการติดตั้งวอลเปเปเปอร์ไปแล้ว จะก่อให้เกิดความเสียหาย และอาจทำให้เสียเงินซ้ำซ้อนอีกด้วย ซึ่งโดยหลักๆ จะมี 4 สิ่งด้วยกันที่ควรดู คือ
- ความเรียบของผนัง/ปูน แนะนำให้เช็คพื้นผิวผนังก่อนการติดวอลเปเปอร์ เพราะส่วนใหญ่มักพบผนังมีเม็ดทราย กรวดเล็กๆ รวมไปถึงเศษปูนต่างๆ อยู่บริเวณผนัง ซึ่งหากมีการติดวอลเปเปอร์ทับลงไป ก็จะทำให้วอลเปเปอร์นั้นไม่เรียบเนียน
ฉะนั้นควรมีการปรับผนังให้เรียบ โดยใช้กระดาษทรายขัดหรือหินขัดผนัง เศษทราย กรวด หิน ปูน ที่ติดอยู่บริเวณผนังออกให้หมด จนเรียบเนียน แล้วทาสีรองพื้นสัก 1 รอบ เพื่อไม่ให้สีของปูนทำให้วอลล์เปลี่ยนสีหรือเพี้ยน จากนั้นจึงทำการติดวอลเปเปอร์ได้
- รอยร้าว ถือเป็นสิ่งที่สามารถมองเห็นได้ง่าย ซึ่งหากพบเห็นควรทำการแก้ไข ทั้งนี้ควรเช็คด้วยว่ารอยร้าวนั้น จะมีการขยายหรือรุกลามในอนาคตอีกหรือไม่ เพื่อเป็นตัวช่วยในการประกอบการตัดสินใจ เพราะเมื่อติดวอลเปเปอร์ไปแล้วจะทำให้ไม่เห็นรอยร้าวต่างๆ ที่อาจส่งผลเสียได้
- น้ำรั่วซึม ตามผนังซึ่งอาจจะมาจากรอยร้าวหรือจุดเชื่อมต่อจากห้องที่ติดกัน เช่น ห้องน้ำ หรือระเบียง โดยบริเวณที่ต้องระวังที่สุดนั้นก็คือ ขอบวงกบ เพราะเป็นมีการเชื่อมต่อกันระหว่างหน้าต่างกับผนัง และยังเป็นส่วนที่พบเจอน้ำรั่วซึมมากที่สุด
- สีร่อน ในส่วนนี้จะดูค่อนข้างยาก ซึ่งเกิดจากการทาสีทับกันจำนวนหลายชั้นจนสีมีความหนา เมื่อติดวอลเปเปอร์ทับลงไปก็จะทำให้วอลเปเปอร์นั้นดีดตัวออกจากผนังหรือวอลเปเปอร์เปิดนั้นเองโดยเฉพาะบริเวณตามขอบ หรือ มุม จุดสังเกตง่ายๆ คือ สีมีการหลุดเป็นแผ่นๆ หรือไม่ก็ติดกับตัววอลเปเปอร์ออกมา
ทั้งนี้หากเกิดปัญหาดังกล่าว แล้วมีการติดวอลเปเปอร์จนทำให้เกิดความเสียหาย หลักๆ ผู้รับผิดชอบจะเป็นทางโครงการ แต่ก็ไม่เสมอไปขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ทางโครงการกำหนด ฉะนั้นก่อนตัดสินใจติดวอลเปเปอร์ ควรเช็ดสัญญา หรือ เงื่อนไขระยะเวลาการรับประกันให้ครบถ้วน ละเอียดรอบครอบ เพื่อป้องกันการเสียเงินซ้ำซ้อน
ซึ่งถ้าคิดจะติดวอลเปเปอร์ บางครั้งการตรวจและแก้ไขสีจึงอาจจะไม่จำเป็น เพราะเจ้าของโครงการคงไม่ทำการขัดสีเดิมออกและทำการสกิมผนังให้ ส่วนใหม่มักเป็นการทาทับ
2. วัสดุพื้นผิวผนัง
ไม่ใช่ว่าทุกพื้นผิว วอลเปเปอร์จะสามารถติดได้ ฉะนั้น ควรเช็คกับทางช่างว่าพื้นผิวแบบไหนสามารถติดวอลเปเปอร์ได้ และ แบบไหนที่ติดไม่ได้ อย่างวัสดุที่มีผิวมัน อาทิ กระเบื้อง กระจก หินอ่อน หรือพื้นผิวที่ทาด้วยสีน้ำมัน วัสดุเหล่านี้มักจะไม่ติดวอลเปเปอร์ เพราะอาจทำให้การเกิดปัญหาภายหลัง ไม่ว่าจะเป็น วอลล์หลุดร่อน หรือติดไม่อยู่ นั้นเอง
ในส่วนของประเภทไม้อัดก็ต้องมั่นใจว่าไม้มีความหนา มีโครงแน่นหนา และมีการทาสีรองพื้นสีขาว เพื่อกันการที่ไม้จะโก่งหรือแอ่น อีกทั้งผนังที่เป็นส่วนต่อเนื่องกับพื้นผิวที่มีการทาสี ต้องทำการฉาบรอยต่อให้เนี้ยบ และทำการทาสีขาวรองพื้น เพื่อเป็นการป้องกันความไม่กลมกลืนของสีและผนัง ซึ่งจะสังเกตุเห็นได้หลังจากการติดวอลล์
3 ผนังเก่าที่มีการทาสี
หากผนังมีความเรียบร้อย ไม่เกิด ความเสียหายใดๆ สามารถติดวอลเปเปอร์ทับได้เลย แต่หากสีมีการหลุดร่อน รวมถึงสีที่ทาเป็นสีน้ำมัน ต้องทำการขูดสีเก่าออกทั้งหมด พร้อมกับทำความสะอาด มีการฉาบสกิมโค้ทผนังในกรณีที่ผนังไม่เรียบ ขรุขระมาก และทารองพื้นสีขาว 1 ชั้น เพราะถ้ามีการติดวอลเปเปอร์ทับไปเลยนั้น จะทำให้ติดไม่อยู่และเกิดความเสียหายต่อมานั้นเอง
4 ผนังเก่าที่มีการติดวอลเปเปอร์
ควรลอกวอลเปเปอร์เก่าออกทั้งหมด ซึ่งหากเป็นวอลเปเปอร์ที่ติดไปไม่นาน สามารถลอกแต่ชั้นผิวได้และทำการติดต่อได้เลย แต่หากเป็นวอลเปเปอร์ที่ติดมานาน ควรลอกให้ถึงผนัง พร้อมทำความสะอาดผนังและอุดรอยต่างๆ ให้เรียบร้อย ก่อนที่จะมีการติดตั้งวอลเปเปอร์ใหม่ เพื่อความสวยงาม และไม่ให้มีการหลุดร่อน
ทั้งนี้หากลอกวอลเปเปอร์เก่าแล้วพบเชื้อราที่บริเวณผนัง ควรทำการซ่อมผนังที่รั่วให้สนิทจากนั้นทาน้ำยากันเชื้อรา ก่อนติดตั้งวอลเปเปอร์ใหม่